หน้าเว็บ

วันเสาร์, กันยายน 29, 2555

พระโพธิสัตว์กวนอิม ในตำนาน

  เจ้าแม่กวนอิม วิกิพีเดีย

พระโพธิสัตว์กวนอิม (ประสูติ 19 เดือนยี่จีน) ชาติสุดท้ายเป็น ราชธิดานาม เมี่ยวซ่าน เดิมเป็นเทพธิดา จุติลงมายังโลกมนุษย์เพื่อมาช่วยปลดเปลื้องทุกข์ภัยแก่มวลมนุษย์ เป็นราชธิดาองค์สุดท้ายของกษัตริย์ เมี่ยวจวง ซึ่งมีราชธิดา 3 องค์ องค์โตชื่อ เมี่ยวอิม องค์รองชื่อ เมี่ยวหยวน เยาว์วัยเป็นพุทธมามกะ รู้แจ้งในหลักธรรมลึกซึ้ง ตั้งพระทัยแน่วแน่จะบำเพ็ญภาวนา เพื่อหลุดพ้นสังสารวัฏ ออกบวชวันที่ 19 เดือน 9 พระเจ้าเมี่ยวจวงไม่เห็นด้วย จะบังคับให้เลือกราชบุตรเขย เพื่อจะได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป แต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านไม่สนพระทัยเรื่องลาภ ยศ สรรเสริญ อันจอมปลอม แม้จะถูกพระบิดาดุด่าอย่างไร องค์หญิงก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองแต่อย่างใด ต่อมาองค์หญิงสามได้ถูกขับไปทำงานหนักในสวนดอกไม้ เช่น หาบน้ำ ปลูกดอกไม้ ทั้งนี้เพื่อทรมานให้เปลี่ยนความตั้งใจ แต่ก็มีเหล่ารุกขเทวดามาช่วยทำแทนให้ทั้งหมด พระบิดาเมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล จึงรับสั่งให้หัวหน้าแม่ชี นำองค์หญิงสามไปอยู่ที่วัดนกยูงขาว และให้เอางานของแม่ชีทั้งวัดมอบให้องค์หญิงทำคนเดียว แต่องค์หญิงมีพระทัยเด็ดเดี่ยว ไม่เกี่ยงงานการต่างๆ ก็มีเหล่าเทพารักษ์มาช่วยทำแทนให้อีก พระเจ้าเมี่ยวจวงเข้าพระทัยว่า พวกแม่ชีไม่กล้าเคี่ยวเข็ญใช้งานหนัก ก็ยิ่งทรงกริ้วหนักขึ้น สั่งให้ทหารเผาวัดนกยูงขาวจนวอดเป็นจุณไป พร้อมกับพวกแม่ชีทั้งวัด มีแต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านเท่านั้นที่ปลอดภัยรอดชีวิตมาได้ พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงทราบดังนั้น จึงรับสั่งให้นำตัวราชธิดาไปประหารชีวิต เทพารักษ์คอยคุ้มครองเจ้าหญิงอยู่ โดยเนรมิตทองทิพย์เป็นเกราะห่อหุ้มตัว คมดาบของนายทหารจึงไม่อาจระคายพระวรกาย ดาบหักถึง 3 ครั้ง 3 ครา พระบิดาทรงกริ้วยิ่งนัก โดยเข้าพระทัยว่านายทหารไม่กล้าประหารจริง จึงให้ประหารนายทหารแทน แล้วรับสั่งให้จับเจ้าหญิงไปแขวนคอ ทว่าผ้าแพรที่แขวนคอก็ขาดสะบั้นลงอีก ทันใดนั้นปรากฏมีเสือเทวดาตัวหนึ่งได้นำเจ้าหญิงขึ้นพาดหลังแล้วเผ่นหนีไปที่เขาเซียงซัน ต่อมา เทพไท่ไป๋ได้แปลงร่างเป็นชายชรามาโปรดเจ้าหญิง ชี้แนะเคล็ดวิธีการบำเพ็ญเพียรเครื่องดับทุกข์ จนสามารถบรรลุมรรคผลสำเร็จธรรม วันที่ 19 เดือน 6 ข้างฝ่ายพระบิดาเข้าพระทัยว่า เจ้าหญิงถูกเสือคาบไปกินเสียแล้ว จึงไม่ได้ติดใจตามราวีอีก ต่อมาไม่นานบาปกรรมที่พระองค์ก่อไว้ส่งผล เกิดป่วยด้วยโรคร้ายแรง ไม่มียารักษาให้หายได้ เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านได้ทรงทราบด้วยญาณวิถีว่า พระบิดากำลังประสบเคราะห์กรรมอย่างหนัก ด้วยความกตัญญูกตเวทีเป็นเลิศ มิได้ถือโทษโกรธการกระทำพระบิดาแม้แต่น้อย ทรงได้สละดวงตาและแขนสองข้าง เพื่อรักษาพระบิดาจนหายจากโรคร้าย ว่ากันว่า ภายหลังสำเร็จอรหันต์ ได้ดวงตาและพระกรคืน เคยแสดงปาฏิหารย์เป็นปางกวนอิมพันมือ องค์หญิงเมี่ยวซ่านนั้น ตอนแรกเป็นชาวพุทธ ตอนหลังเทพไท่ไป๋ได้มาโปรด ชี้แนะหนทางดับทุกข์ เหตุนี้พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงเป็นเทพทั้งฝ่ายพุทธและฝ่ายเต๋าในเวลาเดียวกัน

อ้างอิง 

 

Suzanne E Cahill: Transcendence & Divine Passion. The Queen Mother of the West in Medieval China, Stanford University Press, Stanford, 1993, ISBN 0-8047-2584-5

 

 Martin Palmer, Jay Ramsay, Man-Ho Kwok: Kuan Yin. Myths and Prophecies of the Chinese Goddess of Compassion, Thorsons, San Francisco 1995, ISBN 1-85538-417-5 

 

 William Stoddart: Outline of Buddhism, The Foundation for Traditional Studies, Oakton, Virginia, 1996.

 

 Kuan Ming: Popular Deities of Chinese Buddhism, Buddha Dharma Education Association Inc, 1985

 

 Chun-fang Yu, Kuan-yin, The Chinese Transformation of Avalokitesvara, Columbia University Press, New York, 2001, ISBN 0-231-12029-X 

 

 John Blofeld: Bodhisattva of Compassion. The Mystical Tradition of Kuan Yin, Shambhala, Boston 1988, ISBN 0-87773-126-8

 

 Miao Yun: Teachings in Chinese Buddhism: Selected Translation of Miao Yun, Buddha Dharma Education Association Inc, 1995

 

Evolution of Avalokitesvara

 

 Lotus Sutra: CHAPTER TWENTY-FIVE THE UNIVERSAL DOOR OF GUANSHI YIN BODHISATTVA (THE BODHISATTVA WHO CONTEMPLATES THE SOUNDS OF THE WORLD) (Translated by The Buddhist Text Translation Society in USA)

วันศุกร์, กันยายน 28, 2555

ทำบุญ 12 วิธี และอานิสงส์ จากการไม่กินเนื้อสัตว์ 10 ประการ



ทำบุญ 12 วิธี และอานิสงส์ จากการไม่กินเนื้อสัตว์ 10 ประการ

มาสร้างบุญ สร้างบารมีกันเถิด

1. นั่งสมาธิ    ใหม่ๆ 5นาที หรือ อย่างน้อยๆวันละ 15 นาที(หรือเดินจงกรม)
  อานิสงส์ --- เพื่อให้มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า
             เพื่อจิตใจที่สว่างผ่อนปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้โดยง่าย
            จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติ
            ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน
            ผิวพรรณผ่องใส มีออร่า สุขภาพกายและจิตแข็งแรง
           เจ้ากรรมนายเวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล

2. สวดมนต์ ด้วยพระคาถาต่างๆ อาทิ บท ชินบัญชร ธรรมจักร บารมี30ทัศ อย่างน้อยวันละครั้งก่อนนอน
  อานิสงส์ --- เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
              ชีวิตหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า
              เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง จิตจะเป็นสมาธิได้เร็ว
              แนะนำพระคาถาพาหุงมหากา , พระคาถาชินบัญชร ,
              พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้น
              เมื่อสวดเสร็จต้องแผ่เมตตาทุกครั้ง

3. ถวายยารักษาโรค ให้วัด , ออกเงินค่ารักษาให้พระตามโรงพยาบาลสงฆ์
 อานิสงส์ - -- ก่อให้เกิดสุขภาพร่มเย็นทั้งครอบครัว โรคที่ไม่หายจะทุเลา
                       สุขภาพกายจิตแข็งแรง อายุยืนทั้งภพนี้และภพหน้า
                       ถ้าป่วยก็จะไม่ขาดแคลนการรักษา

4. ทำบุญตักบาตร ทุกเช้า ทำบุญ ค่าภัตตาหารพระสงฆ์
 อานิสงส์ --- ได้ช่วยเหลือศาสนาต่อไปทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ขาดแคลนอาหาร
                    ตายไปไม่หิวโหย อยู่ในภพที่ไม่ขาดแคลน ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์

5. ทำหนังสือหรือสื่อต่างๆ เกี่ยวกับธรรมะแจกฟรีแก่ผู้คนเป็นธรรมทาน
   อานิสงส์ --- เพราะธรรมทานชนะการให้ทานทั้งปวง ผู้ให้ธรรมจึงสว่างไปด้วยลาถยศ
                  สรรเสริญ ปัญญา และบุญบารมีอย่างท่วมท้น เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้
                  ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่คาดฝัน

6. สร้างพระถวายวัด
 อานิสงส์ --- ผ่อนปรนหนี้กรรมให้บางเบา ให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
                    สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง ครอบครัวเป็นสุข
                     ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนาตลอดไป

7. แบ่งเวลาชีวิตไปบวชชีพรามณ์ หรือบวชพระอย่างน้อย 9 วันขึ้นไป
 อานิสงส์ --- ได้ตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างเต็มที่
                     ผ่อนปรนหนี้กรรมอุทิศผลบุญให้ญาติมิตรและเจ้ากรรมนายเวร
                     สร้างปัจจัยไปสู่นิพพานในภพต่อๆไป ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนา
                    จิตเป็นกุศล

8. บริจาคเลือดหรือร่างกาย
  อานิสงส์ --- ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพแข็งแรง ช่วยต่ออายุ
                    ต่อไปจะมีผู้คอยช่วยเหลือไม่ให้ตกทุกข์ได้ยาก เทพยดาปกปักรักษา
                   ได้เกิดมามีร่างกายที่งดงามในภพหน้า ส่วนภพนี้ก็จะมีราศีผุดผ่อง

9. ปล่อยปลา ที่ซื้อมาจากตลาดรวมทั้งปล่อยสัตว์ไถ่ชีวิตสัตว์ต่างๆ
อานิสงส์
--- ช่วยต่ออายุ ขจัดอุปสรรคในชีวิต
                  ชดใช้หนี้กรรมให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยกินเข้าไป ให้ทำมาค้าขึ้น
                  หน้าที่การงานคล่องตัวไม่ติดขัด ชีวิตที่ผิดหวังจะค่อยๆฟื้นคืนสภาพที่สดใส
                  เป็นอิสระ

10. ให้ทุนการศึกษา , บริจาคหนังสือหรือสื่อการเรียนต่างๆ , อาสาสอนหนังสือ
อานิสงส์
--- ทำให้มีสติปัญญาดี ในภพต่อๆไปจะฉลาดเฉลียวมีปัญญา
                   ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนอย่างรอบรู้ สติปัญญาสมบูรณ์พร้อม

11. ให้เงินขอทาน , ให้เงินคนที่เดือดร้อน(ไม่ใช่การให้ยืม)
อานิสงส์
--- ทำให้เกิดลาภไม่ขาดสายทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ตกทุกข์ได้ยาก
                   เกิดมาชาติหน้าจะร่ำรวยและไม่มีหนี้สิน ความยากจนในชาตินี้จะทุเลาลง
                  จะได้เงินทองกลับมาอย่างไม่คาดฝัน

12. รักษาศีล 5 หรือศีล 8
อานิสงส์
--- ไม่ต้องไปเกิดเป็นเปรตหรือสัตว์นรก
                  ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐครบบริบูรณ์ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
                    กรรมเวรจะไม่ถ่าโถม ภัยอันตรายไม่ย่างกราย เทวดานางฟ้าปกปักรักษ

อานิสงส์ 10 ประการของการไม่กินเนื้อสัตว์
1. เป็นที่รักของบรรดาเทพ พรหม ตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์เหี้ยมโหดเครียดแค้นในใจลงได้
4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
5. มีอายุมั่นขวัญยืน
6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเทพทั้งปวง
7. ยามหลับนิมิตเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นสิริมงคล
8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน
9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสพระนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสูอบายภูมิ
10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตจะมุ่งสู่สุคติภพ

อานิสงส์การจัดสร้างพระพุทธรูปหรือสิ่งพิมพ์อันเกี่ยวกับพระธรรมคำสอนเป็นกุศลดังนี้
1. อกุศลกรรมในอดีตชาติแต่ปางก่อน จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นสูญ
2. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง สรรพภยันตรายสลาย ปวงภัยไม่มีคนคิดร้ายไม่สำเร็จ
3. เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติแต่ปางก่อน เมื่อได้รับส่วนบุญไปแล้วก็จะเลิกจองเวรจองกรรม
4. เหล่ายักษ์ผีรากษส งูพิษเสือร้าย ไม่อาจเป็นภัยอยู่ในที่ใดก็แคล้วคลาดจากภัย
5. จิตใจสงบ ราศีผ่องใส สุขภาพแข็งแรง กิจการงานเป็นมงคล รุ่งเรืองก้าวหน้าผู้คนนับถือ
6. มั่นคงในคุณธรรม ความอุดมสมบูรณ์ปรากฏ ( เกินความคาดฝัน) ครอบครัวสุขสันต์    วาสนายั่งยืน
7. คำกล่าวเป็นสัจจ์ ฟ้าดินปราณี ทวยเทพยินดี มิตรสหายปรีดา หนี้สินจะหมดไป
8. คนโง่สิ้นเขลา คนเจ็บหายได้ คนป่วยหายดี ความทุกข์หายเข็ญ   สตรีจะได้เกิดเป็นชายเพื่อบวช
9. พ้นจากมวลอกุศล เกิดใหม่บุญเกื้อหนุน มีปัญญาล้ำเลิศ บุญกุศลเรืองรอง
10. สิ่งที่สร้างจะบังเกิดเป็นกุศลจิตแก่ทุกคนที่ได้พบเห็นเป็นเนื้อนาบุญอย่าง เอนกทุกชาติของผู้สร้างที่เกิดจะได้ฟังธรรมจากพระอริยเจ้าปัญญาในธรรมแก่ กล้าสามารถได้อภิญญาหก สำเร็จโพธิญาณ


อานิสงส์การบวชพระบวชชีพรามณ์
    ( บวชชั่วคราวเพื่อสร้างบุญ , อุทิศให้พ่อแม่เจ้ากรรมนายเวร )
1. หน้าที่การงานจะเจริญรุ่งเรือง ได้ลาภ ยศ สรรเสริญตามปรารถนา
2. เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรม หนี้กรรมในอดีตจะคลี่คลาย
3. สุขภาพแข็งแรง สติปัญญาแจ่มใส ปัญหาชีวิตคลี่คลาย
4. เป็นปัจจัยสู่พระนิพพานในภพต่อๆไป
5. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง โพยภัยอันตรายผ่อนหนักเป็นเบา
6. จิตใจสงบ ปล่อยวางได้ง่าย มองเห็นสัจธรรมแห่งชีวิต
7. เป็นที่รักที่เมตตามหานิยมของมวลมนุษย์มวลสัตว์และเหล่าเทวดา
8. ทำมาค้าขึ้น ไม่อับจน การเงินไม่ขาดสายไม่ขาดมือ
9. โรคภัยของตนเอง ของพ่อแม่ และของคนใกล้ชิดจะเบาบางและรักษาหาย
10. ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้เต็มที่สำหรับผู้ที่บวชไม่ได้เพราะติดภาระกิจต่างๆ   ก็สามารถได้รับอานิสงส์เหล่านี้ได้ด้วยการสร้างคนให้ได้บวชสนับสนุนส่งเสริม อาสาการ ให้คนได้บวช

     ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างบุญที่ยกขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงอานิสงส์ที่ ท่านพึงจะได้รับจงเร่งทำบุญเสียแต่วันนี้ เพราะเมื่อท่านล่วงลับท่านไม่สามารถสร้างบุญได้อีกจนกว่าจะได้เกิด หากท่านไม่มีบุญมาหนุนนำแรงกรรมอาจดึงให้ท่านไปสู่ภพเดรัจฉาน ภพเปรต ภพสัตว์นรกที่ไม่อาจสร้างบุญสร้างกุศลได้ต่อให้ญาติโยมทำบุญอุทิศให้ก็อาจ ไม่ได้รับบุญดังนั้นท่านจงพึ่งตนเองด้วยการสร้างสมบุญบารมีซึ่งเป็น ทรัพย์สินที่ท่านจะนำติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติเสียแต่วันนี้ด้วยเทอญ

บทสวด มหาปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร ของพระโพธิสัตว์กวนอิม

พระแม่กวนอิม 

 

บทสวด มหาปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร 

ของพระโพธิสัตว์กวนอิม 

(สูตรหัวใจหรือสูตรที่เป็นหัวใจแห่งโลกุตรปัญญา) 

 (สูตรที่เป็นหัวใจแห่งปัญญาของการหลุดพ้น) 




กวัน  จื้อ  ไจ้  ผู  ซ่า

สิง  เซิน  ปวอ  เหย่อ  ปวอ  หลัว  มี่  ตวอ  สือ

เจ้า  เจี้ยน  อู่  อวิ้น  เจีย  คง

ตู้  อี๋  เชี่ย  ขู่  เอ้อ

เซ่อ  ลี่  จื่อ

เซ่อ  ปู๋  อี้  คง      คง  ปู๋  อี้  เซ่อ

เซ่อ  จี๋  ซื่อ  คง      คง  จี๋  ซื่อ  เซ่อ

โซ่ว  เสี่ยง  สิง  ซื่อ      อี้  ฟู่  หยู  ซื่อ

เซ่อ  ลี่  จื่อ      ซื่อ  จู  ฝ่า  คง  เซี่ยง

ปู้  เซิง  ปู๋  เมี่ย

ปู๋  โก้ว  ปู๋  จิ้ง

ปู้  เจิง  ปู้  เจี่ยน

ซื่อ  กู้  คง  จง  อู๋  เซ่อ

อู๋  โซ่ว  เสี่ยง  สิง  ซื่อ

อู๋  เหยี่ยน  เอ่อ  ปี๋  เสอ  เซิน  อี้

อู๋  เซ่อ  เซิง  เซียง  เว่ย  ชู่  ฝ่า

อู๋  เอยี่ยน  เจี้ย      ไหน่  จื้อ  อู๋  อี้  ซื่อ  เจี้ย

อู๋  อู๋  หมิง

อี้  อู๋  อู๋  หมิง  จิ้น

ไหน่  จื้อ  อู๋  เหลา  สื่อ

อี้  อู๋  เหลา  สื่อ  จิ้น

อู๋  ขู่  จี๋  เมี่ย  เต้า

อู๋  จื้อ  อี้  อู๋  เต๋อ

อี่  อู๋  สว่อ  เต๋อ  กู้

ผู๋  ถี  ซ่า  ตว่อ

อี  ปวอ  เหย่อ  ปวอ  หลัว  มี่  ตัว  กู้

ซิน  อู่  กว้า  ไอ้

อู่  กว้า  ไอ้  กู้

อู๋  โหยว  ข่ง  ปู้

เอวี่ยน  หลี  เตียน  เต่า  เมิ่ง  เสี่ยง

จิ้ว  จิ้ง  เนี่ย  ผัน

ซัน  ซื่อ  จู  ฝอ

อี  ปวอ  เหย่อ  ปวอ  หลัว  มี่  ตวอ  กู้

เต๋อ  อา  โน่ว  ตวอ  หลัว  ซัน  เหมี่ยว  ซัน  ผู  ถี

กู้  จือ  ปวอ  เหย่อ  ปวอ  หลัว  มี่  ตวอ

ซื่อ  ต้า  เสิน  โจ้ว

ซื่อ  ต้า  หมิง  โจ้ง

ซื่อ  อู๋  ซั่ง  โจ้ว

ซื่อ  อู๋  เติ๋ง  เติ่ง  โจ้ว

เหนิง  ฉู  อี๋  เชี่ย  ขู่

เจิน  สือ  ปู้  ซวี

กู้  ซวอ  ปวอ  เหย่อ  ปวอ  หลัว  มี่  ตวอ  โจ้ว

จี๋  ซวอ  โจ้ว  เอวีย

เจีย  ตี้  เจีย  ตี้

ปวอ  หลัว  เจีย  ตี้

ปวอ  หลัว  เซิง  เจีย  ตี้

ผู  ถี  ซ่า  ผวอ  เฮอ

(กราบ 3 ครั้ง) 

วันจันทร์, กันยายน 24, 2555

ผ้ายันต์ เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณโณ จาตุมหาราชิกา คุ้มครอง ป้องกันสิ่งอาถรรพย์ รักษาทรัพย์

ผ้ายันต์ เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณโณ จาตุมมหาราชิกา คุ้มครอง ป้องกันสิ่งอาถรรพย์ รักษาทรัพย์

ผ้ายันต์ เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณโณ จาตุมมหาราชิกา

 คุ้มครอง ป้องกันสิ่งอาถรรพย์ รักษาทรัพย์

ผ้ายันต์ พระอวโลกิเตศวร วัชรญาณบารมี

ผ้ายันต์ พระอวโลกิเตศวร วัชรญาณบารมี


ผ้ายันต์ พระอวโลกิเตศวร วัชรญาณบารมี

ผ้ายันต์ พระอวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์ (พระแม่กวนอิม) อ.สมศักดิ์ เทพสมบุญ เขียนยันต์

 
ผ้ายันต์ พระอวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์ (พระแม่กวนอิม) อ.สมศักดิ์ เทพสมบุญ เขียนยันต์


ผ้ายันต์ พระอวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์ (พระแม่กวนอิม) อ.สมศักดิ์ เทพสมบุญ เขียนยันต์

วันเสาร์, กันยายน 22, 2555

เทพภมรจำแลง โรยเพชร

เทพภมรจำแลง โรยเพชร

เทพภมรจำแลง โรยเพชร

เทพภมรจำแลง โรยเพชร

แม่นางรับ


 

แม่นางรับ รุ่น 1





แม่นางรับ รุ่น 2

 




แม่นางรับ รุ่น 3

 



แม่นางรับ รุ่น4



 

แม่นางรับ รุ่น5

วันศุกร์, กันยายน 21, 2555

แม่นางเหมา กับ กุมารถือเงิน

แม่นางเหมา กับ กุมารถือเงิน


แม่นางเหมา กับ กุมารถือเงิน

ท้าวเวสสุวรรณ หน้ายักษ์ หน้าเทพ ตั้งบูชา

ท้าวเวสสุวรรณ หน้ายักษ์ หน้าเทพ ตั้งบูชา

ท้าวเวสสุวรรณ หน้ายักษ์ หน้าเทพ ตั้งบูชา

 

ท้าวเวสสุวรรณ หน้ายักษ์ หน้าเทพ ตั้งบูชา

เจ้าพ่อกวนอู (หินตาเสือ)

เจ้าพ่อกวนอู (หินตาเสือ)

เจ้าพ่อกวนอู (หินตาเสือ)

พระขุนแผน หลัง พระสังกัจจายน์ถือถุงเงิน

พระขุนแผน หลัง พระสังกัจจายน์ถือถุงเงิน

พระขุนแผน หลัง พระสังกัจจายน์ถือถุงเงิน

พระขุนแผน หลัง พระสังกัจจายน์ถือถุงเงิน

ปู่ฤาษีจินดามณี

ปู่ฤาษีจินดามณี

ปู่ฤาษีจินดามณี เนื้อมวลสารผงยาวาสนาจินดามณี

น้ำมันเสน่ห์เมตตา

น้ำมันเสน่ห์เมตตา


น้ำมันเสน่ห์เมตตา

ปู่ฤาษีสัตตบงกช หรือ ปู่ฤาษีให้ลาภ เนื้อ สัมฤทธิ์

ปู่ฤาษีสัตตบงกช


ปู่ฤาษีสัตตบงกช หรือ ปู่ฤาษีให้ลาภ เนื้อ สัมฤทธิ์

วันพฤหัสบดี, กันยายน 20, 2555

แผ่นยันต์ จตุโลบังเกิดทรัพย์ (จารมือ) ท่านอาจารย์สมศักดิ์ เทพสมบุญ

แผ่นยันต์ จตุโลบังเกิดทรัพย์ อาจารย์สมศักดิ์ เทพสมบุญ


แผ่นยันต์ จตุโลบังเกิดทรัพย์ (จารมือ) ท่านอาจารย์สมศักดิ์ เทพสมบุญ

แผ่นยันต์ มงกุฏพระพุทธเจ้า (จารมือ) ท่านอาจารย์สมศักดิ์ เทพสมบุญ

แผ่นยันต์ มงกุฏพระพุทธเจ้า อาจารย์สมศักดิ์ เทพสมบุญ

แผ่นยันต์ มงกุฏพระพุทธเจ้า (จารมือ) ท่านอาจารย์สมศักดิ์ เทพสมบุญ

วันศุกร์, กันยายน 14, 2555

ปีชง ควรเสริมดวง แก้อย่างไร


 ปีชง ควรเสริมดวง แก้อย่างไร

 

สำหรับท่านที่ เข้าปีชง ตามปีนักษัตร เคล็ดแก้ปีชง ได้แก่  ทำบุญโลงศพ 132 บาท ปล่อยปลา 8 ตัว ทำสังฆทาน 3 ชุด ติดต่อกัน  จุดประทัด 100 นัดหน้าบ้าน หาวัตถุมงคลมาบูชา เสริมดวงชะตา อาทิ  เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ เป็นต้น  เสริมด้านการเงิน ให้ ปิดทองคำเปลว (ทองแท้) ที่ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง 9 แผ่น ถ้าต้องการครอบครัวเป็นสุข ให้ซื้อผ้าเหลือง 2 เมตร ไปห่มพระประธาน ในโบสถ์  หรือถ้าไม่ค่อยมีปัจจัย แนะนำ ทำบุญง่ายๆ ได้ผลเร็ว ไปช่วยพระสงฆ์ ทำงานวัด อาทิ ช่วยล้างห้องน้ำ ช่วยพระบิณฑบาตร ตอนเช้า ไปช่วยกวาดลานวัด ทำความสะอาดเจดีย์วัด อานิสงฆ์แรง อธิฐาน ได้ตามประสงฆ์ แต่ไม่ควรขอไปในทางผิดศีลธรรม หรือโลภ ในสมัยอดีต พระอรหันต์ ก็ล้วนเคยสร้างบุญ บารมี อาทิ ก่อเจดีย์ทราย หรือ ทำความสะอาดเจดีย์เก่า อธิฐาน ขอให้บรรลุธรรม เข้าถึงพระนิพพาน ก็มีมาแล้ว

วันพฤหัสบดี, กันยายน 06, 2555

เคล็ดแก้อุบัติเหตุบ่อย หรือมีเรื่องคดีความ


เคล็ดแก้อุบัติเหตุบ่อย หรือมีเรื่องคดีความ

 

แสดงว่าช่วงนั้นกำลังมีเคราะห์ ท่านให้ทำบุญด้วยการบริจาคทาน ไถ่ชีวิตโคกระบือ หรือซื้อโลงศพให้ศพไร้ญาติ ให้ทำบุญ

ถวายสัวฆทานอุทิศให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วติดต่อกันเดือนละครั้ง เป็นเวลา 3 เดือน ถือศีล 8 อย่างเคร่งครัด 7 วัน

ถ้าบวชชีพราหมณ์ได้ยิ่งดี ไปไหว้พระปิดทองขอพร เติมน้ำมันตะเกียง 3 วัด ทำบุญปล่อยนก ปล่อยปลา

แก้เคล็ดตกงาน ไม่มีงานทำ มีงานแต่ไม่ก้าวหน้า ทำงานผิดพลาด


แก้เคล็ดตกงาน ไม่มีงานทำ มีงานแต่ไม่ก้าวหน้า ทำงานผิดพลาด

ท่านว่าอยู่ในช่วงที่ดวงกำลังตก วาสนาซบเซา ให้แก้เคล็ดด้วยการกราบไหว้หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวราราม จ.ฉะเชิงเทรา

หรือไหว้พระที่วัดอรุณราชวราราม กรุงเทพ หรือให้บูชา พระพรหม สมเด็จพ่อพระปิยมหาราช ร.5 หรือไป กราบพระ เติมน้ำมันตะเกียง

ทำบุญบริจาคสมทบทุนค่าน้ำ ค่าไฟ หรือ ปล่อยปลาไหล 9 ตัวก็ได้

แก้ดวงอาภัพคู่ หาคู่ไม่ได้


แก้ดวงอาภัพคู่ หาคู่ไม่ได้

 

หาได้แต่คบกันไม่นาน แอบรักเขาข้างเดียว มีคู่รักแต่ มีอันต้องพลัดพรากจากกัน ไม่สมหวัง ให้แก้เคล็ดดังนี้

หาดอกไม้หอม หรือว่านที่มีชื่อด้านเสริมความรัก เช่น ว่านเสน่ห์จันทร์แดง ว่านเสน่ห์ขุนแผน ว่านเสน่ห์กาหลง มาปลูกไว้ที่บ้าน หรือที่ทำงาน

หาต้นรัก 2 ต้น ไปปลูกในบริเวณวัด

ถวายของที่เป็นคู่แก่พระภิกษุ เช่น แจกันคู่ เชิงเทียน รองเท่า ธงคู่ เทียนคู่ ตะเกียง หมอนคู่ เป็นต้น

นำดอกไม้หอม เช่น มาลัยดอกมะลิบูชาพระทุกวัน

รับเป็นเจ้าภาพเลี้ยงพระในงานแต่งงาน


ที่สำคัญ ให้ยึดมั่นในศีลข้อ 3 กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี เว้นจากประพฤติผิดในกาม ห้ามผิดลูกเมียคนอื่น และให้ตั้งอยู่ในธรรม คือ พรหมวิหาร 4 คือ

เมตตา ปรารถนาให้คนอื่นได้ดี

กรุณา สงสารอยากช่วยให้คนอื่นพ้นทุกข์

มุทิตา ยินดีเมื่อคนอื่นได้ดี

อุเบกขา วางเฉยในกาลที่ควรวางเฉย

ถ้าพบกับความผิดหวัง อกหัก รักคุด รักไม่สมหวัง หรือตกอยู่ในภาวะขมขื่นใจ


ถ้าพบกับความผิดหวัง อกหัก รักคุด รักไม่สมหวัง หรือตกอยู่ในภาวะขมขื่นใจ

ท่านให้ทำบุญด้วยการปล่อยหอยขมเท่ากับจำนวนอายุ อธิษฐานให้ความขมขื่นหมดไปโดยเร็ววัน จากนั้นให้นำต้นไม้ที่ชื่อเป็นมงคล เช่น ต้นรัก ต้นคูน ต้นขนุน

ต้นมะยม ไปปลูกในวัด กี่ต้นก็ได้

ถ้าชีวิตอาภัพอับโชค ทรัพย์สมบัติทำท่าจะเสียหาย ปล่อยกู้ ลงทุนไม่ได้กำไรเลย

 

 

ถ้าชีวิตอาภัพอับโชค ทรัพย์สมบัติทำท่าจะเสียหาย ปล่อยกู้ ลงทุนไม่ได้กำไรเลย

 

แสดงว่าอยู่ในช่วงดวงอ่อน ให้สวดมนต์บูชาพระประจำวันเกิดทุกวันเพื่อเสริมดวงชะตาให้เข้มแข็ง ทำบุญด้วยการพิมพ์หนังสือธรรมะแจกเป็นธรรมทาน หรือถวาย

หนังสือเรียนแก่พระภิกษุสามเณร เพราะการถวายหนังสือเป็นการให้ธรรมะเป็นทาน มีผลานิสงฆ์มากกว่าการให้ทานอย่างอื่น หาเวลาว่างไปตลาดซื้อปลาช่อนกี่ตัว

ก็ได้นำไปปล่อยที่แม่น้ำใหญ่ จะช่วยแก้ไขชะตาชีวิตได้

มีศัตรูปองร้าย


มีศัตรูปองร้าย

มีคนอิจฉาริษยา ท่านให้ปล่อยปลาดุกลงในแม่น้ำใหญ่ จำนวนเท่ากับกำลังวันเกิด โดยจะปล่อยครั้งเดียวครบหมด หรือทยอยปล่อยหลายครั้งก็ได้ ขณะที่ปล่อยให้

ตั้งจิตอธิษฐานด้วยอำนาจของการให้ชีวิต ขออย่าให้ใครผู้ใดทำอันตรายแก่ตนได้เลยและให้สวดพระคาถาชินบัญชร และ คาถาพาหุงมหากา บทสวดมนต์ว่าด้วยชัย

ชนะของพระพุทธเจ้า เป็นประจำ จากนั้น นั่งสมาธิ 5 นาที แล้วแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลแก่สรรพสัตว์และบุคคลผู้เป็นศัตรูคู่อาฆาต

เจ็บไข้ได้ป่วยรักษาไม่หาย

เจ็บไข้ได้ป่วยรักษาไม่หาย


ตื่นเช้าให้ทำบุญตักบาตรพระ 9 รูป กรวดน้ำ อุทิศแก่เจ้ากรรมนายเวรที่ตนเคยเบียดเบียนให้มารับส่วนบุญ จากนั้นปล่อยเต่า หรือ ปลาหมอ 9 ตัว ติดต่อกัน 7 ครั้ง
ถ้ายังไม่หายให้ทำบุญซื้อโลงศพอุทิศให้แก่ศพไร้ญาติ ตอนเย็นให้สวดมนต์บท โพชฌังคปริตร  หรือ ศิริมานนทสูตร ทุกวัน  ไม่นานโรคร้ายค่อยหายไป ขณะที่
ทำการรักษาห้ามฆ่าสัตว์หรือสั่งให้คนฆ่าเด็ดขาด  เพราะการฆ่าเป็นการต่อกรรมเติมเชื้อให้โรคร้ายมีกำลังทำร้ายร่างกาย 

ชีวิตเจออุปสรรค


ชีวิตเจออุปสรรค  


การงานการเงินสะดุด ชีวิตติดขัด เจอทางตัน ธุรกิจผืดเคือง ค้าขายทุนหายกำไรหด ให้ทำบุญตักบาตร ปล่อยปลาไหลเท่ากับจำนวนอายุ หรือ เท่ากับ
จำนวนกำลังวันเกิด คือ อาทิตย์ 6  - จันทร์  15  - อังคาร  8 - พุธ  17 - พฤหัสบดี  19  - ศุกร์  21 -  เสาร์  10 - พุธกลางคืน  12 จะทำให้ชีวิตลื่นไหล
เงินทองไหลมาเทมา  ค้าขายราบรื่น ไม่ติดขัด

วันพุธ, กันยายน 05, 2555

ที่ตั้ง เทวสถานพระอวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์ (พระแม่กวนอิม) อาจารย์สมศักดิ์ เทพสมบุญ

สายรถเมล์ ขสมก มายัง เทวสถาน อ. สมศักดิ์ เทพสมบุญ

สายรถเมล์ ขสมก มายัง เทวสถาน อ. สมศักดิ์ เทพสมบุญ


แผ่นที่ เทวสถาน อ.สมศักดิ์ เทพสมบุญ


เทวสถานพระอวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์ (พระแม่กวนอิม) อาจารย์สมศักดิ์ เทพสมบุญ  ตั้งอยู่ ณ บ้านเลขที่ 68 / 181 หมู่บ้านลัลลี่วิลล์ ซอยประชาอุทิศ 72 ถนนประชาอุทิศ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพ 10140



เทวสถานพระอวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์ (พระแม่กวนอิม) อาจารย์สมศักดิ์ เทพสมบุญ

ตั้งอยู่ ณ  หมู่บ้านลัลลี่วิลล์ ซอยประชาอุทิศ 72 ถนนประชาอุทิศ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ ฝั่งธนบุรี กรุงเทพ 

เบอร์โทรศัพท์ เทวสถาน

081-903-3217
080-772-2899
02-871-7078




เทวสถานพระอวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์ (พระแม่กวนอิม) อาจารย์สมศักดิ์ เทพสมบุญ

 


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

หากโดยสารมาทางรถเมล์


ให้ขึ้น สาย 21 โดย หน้าปากซอย ประชาอุทิศ 72 จะมี Seven 11 อยู่ มีป้ายหมู่บ้าน ลัลลี่วิลล์ อยู่ปากซอย

โดย ระยะทางไปถึงหมู่บ้าน ประมาณ 1 กิโล ให้นั่งรถมอเตอร์ไซด์วินเข้าไป ซึ่งก็อยู่ตรงหน้า Seven 11 ปากซอย นั่นเอง ราคา 15 บาท บอกว่าไป บ้านอาจารย์สมศักดิ์ เขาจะรู้ทันที 

ควรศึกษาเส้นทางการเดินรถ สาย 21 ก่อน คลิ๊ก

รายการพลังชีวิต ดำเนินรายการโดย ท่านอาจารย์ สมศักดิ์ เทพสมบุญ

รายการพลังชีวิต ออกอากาศ ทุกวันพุธ เวลา 20.00 - 22.00 น
 ดำเนินรายการโดย ท่านอาจารย์ สมศักดิ์ เทพสมบุญ
ทางทีวีดาวเทียม ช่อง Thai Vision Channal  http://www.abtv.co.th/




บทสวด พระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร

พระแม่กวนอิม 

 

 บทสวด พระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร


โอม มา นี ปะ หมี่ ฮง


(บทสวด หัวใจของพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์)


· โอม มา นี ปะ หมี่ ฮง · หม่า โฮ อี่ ยา นัก · เจ็ด ตู เต็ก ปา ตั๊ก · เจ็ด เต็ก เซ นัก · หมี่ ตา ลี่ โก · สัก อือ วา อือ ทา · ปู ลี สิด ตะโก · นัก ปู ลา นัก · นัก ปู ลี · ติว เตอ บัน นัก · ไน มา หลู่ กี · ซัว ลา เย ซอ ฮอ


(3 จบ)

บทสวด บทสรรเสริญพระคุณ พระแม่กวนอิม (พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์)

 พระแม่กวนอิม 

บทสรรเสริญพระคุณ

พระแม่กวนอิม (พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์)



นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิม ผู่สัก (กราบ)

นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิม ผู่สัก (กราบ)

นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิม ผู่สัก (กราบ)


นำโมฮู๊ก นำโมหวบ นำโมเจ็ง นำโมกิ้วโค่ว กิวหลั่ง กวงสี่อิมผู่สัก

ทั่งจี้โต โอม เกียล้อฮวดโต เกียล้อฮวดโต เกียออฮวดโต ล้อเกียฮวดโต ล้อเกียฮวดโต

ซำผ่อออ เทียงล้อซิ้ง ตี่ล้อซิ้ง นั่งลี่หลั่ง หลั่งลี่ซิง เจ็กเฉียก

ใจเอียงห่วยอุ่ยติ๊ง นำมอมอออ ป่อเยี๊ย ปอหล่อบิ๊ก (กราบ)



ความหมาย


ขอนอบน้อมพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ พระผู้เปี่ยมล้นด้วยมหาเมตตามหากรุณาอันยิ่งใหญ่ไพศาล ขอได้โปรดบำบัดทุกข์โศก โรคภัยอันตรายทั้งปวง

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมถึงพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ พระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ ขอได้โปรดขจัดปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยทั้งปวงให้หมดสิ้นไป ขอความสุข สมปราถนาทุกประการจงมีแด่ข้าพเจ้า ขอเทพเจ้าเบื้องบนและเทพเจ้าเบื้องล่างทั้งหมดได้โปรดปัดเป่าให้เวรกรรมและสรรพเคราะห์ทั้งมวลจงหมดสิ้นไป

วันจันทร์, กันยายน 03, 2555

พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์



สันสกฤต: अवलोकितेश्वर

(Avalokiteśvara, อวโลกิเตศวร)


พม่า: လောကနတ် (Burmese pronunciation: [lɔ́ka̰ naʔ])

လောကနာထ (Burmese pronunciation: [lɔ́ka̰nətʰa̰])

เบงกาลี:

จีน: 觀世音 (Guānshìyīn)

觀音 (Guānyīn)

觀自在 (Guānzìzài)

ญี่ปุ่น: 観世音 (คังเซะอง)

観音 (คันนง)

ไทย: พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร

เจ้าแม่กวนอิม

ทิเบต: སྤྱན་རས་གཟིགས་

spyan ras gzigs; chenrezig

มองโกล: Жанрайсиг, Нүдээр Үзэгч

ᠨᠢᠳᠦ ᠪᠡᠷ ᠦᠵᠡᠭᠴᠢ

เกาหลี: 관세음보살 (gwanseeum bosal)

เวียดนาม: Quán Thế Âm



พระอวโลกิเตศวร พระโพธิสัตว์องค์สำคัญของพระพุทธศาสนามหายาน ที่มีผู้เคารพศรัทธามากที่สุด และเป็นเสมือนปุคคลาธิษฐานแห่งมหากรุณาคุณของพระพุทธเจ้าทั้งปวง เรื่องราวของพระอวโลกิเตศวรปรากฏอยู่ทั่วไปในคัมภีร์สันสกฤตของมหายาน อาทิ ปรัชญาปารมิตาสูตร, สัทธรรมปุณฑรีกสูตร และการัณฑวยูหสูตฺร


ความหมายของพระนาม

คำว่า อวโลกิเตศวร ได้มีผู้ให้ความหมายไว้หลายนัยด้วยกัน แต่โดยรูปศัพท์แล้ว คำว่าอวโลกิเตศวรมาจากคำสันสกฤตสองคำคือ อวโลกิต กับ อิศวร แปลได้ว่าผู้เป็นใหญ่ที่เฝ้ามองจากเบื้องบน หรือพระผู้ทัศนาดูโลก ซึ่งหมายถึงเฝ้าดูแลสรรพสัตว์ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์นั่นเอง, ซิมเมอร์ นักวิชาการชาวเยอรมันอธิบายว่า พระโพธิสัตว์องค์นี้ทรงเป็นสมันตมุข คือ ปรากฏพระพักตร์อยู่ทุกทิศอาจแลเห็นทั้งหมด ทรงเป็นผู้ที่สามารถบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ คืออาจจะเป็นพระพุทธเจ้าเมื่อใดก็ได้ แต่ทรงยับยั้งไว้เนื่องจากความกรุณาสงสารต่อสรรพสัตว์ นอกจากนี้นักปราชญ์พุทธศาสนาบางท่านยังได้เสนอความเห็นว่า คำว่า อิศวร นั้น เป็นเสมือนตำแหน่งที่ติดมากับพระนามอวโลกิตะ จึงถือได้ว่าทรงเป็นพระโพธิสัตว์พระองค์เดียวที่มีตำแหน่งระบุไว้ท้ายพระนาม ในขณะที่พระโพธิสัตว์พระองค์อื่นหามีไม่ อันแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และความสำคัญยิ่งของพระโพธิสัตว์พระองค์นี้


พุทธศาสนิกชนชาวจีนจะรู้จักพระโพธิสัตว์พระองค์นี้ในพระนามว่า กวนซีอิม หรือ กวนอิม ซึ่งก็มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่าอวโลกิเตศวรในภาษาสันสกฤต คือผู้เพ่งสดับเสียงแห่งโลก แต่โดยทั่วไปแล้วมักให้อรรถาธิบายเป็นใจความว่าหมายถึง พระผู้สดับฟังเสียงคร่ำครวญของสัตว์โลก (ที่กำลังตกอยู่ในห้วงทุกข์) คำว่ากวนซีอิมนี้พระกุมารชีวะชาวเอเชียกลางผู้ไปเผยแผ่พระศาสนาในจีนเป็นผู้แปลขึ้น ต่อมาตัดออกเหลือเพียงกวนอิมเท่านั้น เนื่องจากคำว่าซีไปพ้องกับพระนามของ จักรพรรดิถังไท่จง หรือ หลีซีหมิง นั่นเอง


พระอวโลกิเตศวรในฐานะเป็นพระธยานิโพธิสัตว์

พุทธศาสนามหายานได้จำแนกพระโพธิสัตว์ออกเป็น ๒ ประเภท อันได้แก่ พระมนุษิโพธิสัตว์ และ พระธยานิโพธิสัตว์


พระมนุษิโพธิสัตว์ คือพระโพธิสัตว์ในสภาวะมนุษย์หรือเป็นสิ่งมีชีวิตในรูปแบบอื่น ๆ ที่กำลังบำเพ็ญสั่งสมบารมีอันยิ่งใหญ่เพื่อพระโพธิญาณอันประเสริฐ ถ้าตามมติของฝ่ายเถรวาทก็คือผู้ที่ยังเวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสารเพื่อบำเพ็ญ ทศบารมี ๑๐ ประการให้บริบูรณ์ เหมือนเมื่อครั้งสมเด็จพระผู้มีพระภาคได้ทรงกระทำมาในอดีต โดยที่ทรงเสวยพระชาติเป็นทั้งมนุษย์และสัตว์จนได้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระศากยมุนีพุทธเจ้า การบำเพ็ญบารมีดังกล่าวนี้เป็นความยากลำบากแสนสาหัส สำเร็จได้ด้วยโพธิจิต อีกทั้งวิริยะและความกรุณาอันหาที่เปรียบมิได้ ต้องอาศัยระยะเวลายาวนานนับด้วยกัปอสงไขย สิ้นภพสิ้นชาติสุดจะประมาณได้

พระธยานิโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ประเภทนี้มิใช่พระโพธิสัตว์ผู้กำลังบำเพ็ญบารมีเพื่อแสวงหาดวงปัญญาอันจะนำไปสู่ความรู้แจ้งเหมือนประเภทแรก แต่เป็นพระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมีบริบูรณ์ครบถ้วนแล้ว และสำเร็จเป็นพระธยานิโพธิสัตว์หรือพระโพธิสัตว์ในสมาธิโดยยับยั้งไว้ยังไม่เสด็จเข้าสู่พุทธภูมิ เพื่อจะโปรดสรรพสัตว์ต่อไปอีกไม่มีที่สิ้นสุด พระธยานิโพธิสัตว์นี้เป็นทิพยบุคคลที่มีลักษณะดังหนึ่งเทพยดา มีคุณชาติทางจิตเข้าสู่ภูมิธรรมขั้นสูงสุดและทรงไว้ซึ่งพระโพธิญาณอย่างมั่นคง จึงมีสภาวะที่สูงกว่าพระโพธิสัตว์ทั่วไป พระธยานิโพธิสัตว์มักจะมีภูมิหลังที่ยาวนาน เป็นพระโพธิสัตว์เจ้าที่สำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์มาเนิ่นนานนับแต่สมัยพระอดีตพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ สุดจะคณานับเป็นกาลเวลาได้ พระธยานิโพธิสัตว์ที่พุทธศาสนิกชนมหายานรู้จักดี อาทิ พระมัญชุศรี พระอวโลกิเตศวร พระมหาสถามปราปต์ พระสมันตภัทร พระกษิติครรภ์ เป็นต้น


ประวัติความเป็นมาในคัมภีร์ฝ่ายมหายาน

พระไตรปิฎกของพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทไม่มีปรากฏเรื่องราวหรือแม้แต่พระนามของพระอวโลกิเตศวรอยู่เลย ทว่าในส่วนของนิกายมหายานแล้ว พระอวโลกิเตศวรมีบทบาทปรากฏอยู่มากในพระสูตรสำคัญ ๆ และยังมีเรื่องราวปรากฏในพระสูตรมหายานว่าพระพุทธเจ้าและพระสาวกยังได้เคยตรัสสนทนาธรรมกับพระโพธิสัตว์พระองค์นี้อยู่บ่อยครั้งทีเดียว ในพุทธศาสนามหายานยกย่องพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ว่าเป็นพระผู้ได้รับธรรมจักรมาโดยตรงจากพระพุทธเจ้า และเป็นผู้นำในการรักษาพระพุทธศาสนาและหมุนธรรมจักรต่อไป


การอุบัติของพระอวโลกิเตศวรนี้สันนิษฐานว่ามีขึ้นภายหลังการเกิดนิกายมหายานขึ้นแล้วในราวพุทธศตวรรษที่ ๖-๗ ภายหลังพุทธปรินิพพาน ซึ่งเมื่อตรวจสอบจากวรรณคดีสันสกฤตยุคต้น ๆ ของมหายานอย่าง ชาดกมาลา ทิวยาวทาน หรือลลิตวิสตระ ก็ยังไม่ปรากฏนามพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์แต่อย่างใด แต่มีปรากฏขึ้นครั้งแรกพร้อม ๆ กับพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ในพระสูตรปรัชญาปารมิตาซึ่งถือว่าเป็นพระสูตรมหายานรุ่นเก่าที่สุด และในพระสูตรรุ่นต่อ ๆ มาก็ได้มีเรื่องราวเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์พระองค์นี้ปรากฏขึ้นมากมาย


พระสูตรมหายานกล่าวว่าพระอวโลกิเตศวรประทับอยู่ ณ สุขาวดีพุทธเกษตร คอยช่วยพระอมิตาภะโปรดสรรพสัตว์ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์ และเนื่องจากทรงเป็นพระธยานิโพธิสัตว์จึงมีความเป็นมาอันยาวนานสุดจะคาดคำนวณได้ นับแต่สมัยของ พระวิปัสสีพุทธเจ้า เป็นต้นมาก็ทรงได้โปรดสัตว์มาเป็นลำดับจนถึงบัดนี้ อันเป็นกาลสมัยของพระสมณโคดมศากยมุนีพุทธเจ้า ก็เป็นระยะเวลาเนิ่นนานสุดจะพรรณนา ใน กรุณาปุณฑริกสูตร อธิบายว่า พระอวโลกิเตศวรเป็นพระธรรมกายโพธิสัตว์ สูงกว่าพระโพธิสัตว์สามัญอื่น ๆ และเป็นเอกชาติปฏิพัทธะเช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์อารยเมตตรัย กล่าวคือเป็นผู้ที่ยังข้องอยู่กับการเกิดอีกเพียงชาติเดียวก็จะได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ กล่าวกันว่าพระอวโลกิเตศวรจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าภายหลังการดับขันธปรินิพพานของพระอมิตาภะ เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป ณ แดนสุขาวดี


นอกจากนี้ในพระสูตรมหายานอื่น ๆ ก็ยังมีปรากฏว่าอธิบายแตกต่างออกไปอีก กล่าวคือ บางพระสูตรกล่าวว่าพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์นั้นแท้จริงแล้วคืออวตารภาคหนึ่งของพระอดีตพุทธเจ้า ที่ได้ทรงบรรลุพุทธภูมิเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธะแล้วในอดีตกาลอันยาวไกล ก่อนสมัยพระพุทธเจ้าของเรา แต่ด้วยพระมหากรุณาที่เล็งเห็นสรรพสัตว์ยังตกอยู่ในโมหะอวิชชา ทำให้ต้องทนทุกข์อยู่ในวังวนแห่งสังสารวัฏยากจะหลุดพ้นไปได้ จึงทรงแบ่งภาคมาเป็นพระอวโลกิเตศวรเพื่อโปรดปวงสัตว์ให้เห็นธรรมพ้นทุกข์ด้วยพระเมตตากรุณา ในบางแห่งก็กล่าวว่าพระอวโลกิเตศวรเป็นพุทธโอรสของพระอมิตาภะที่ทรงบันดาลด้วยพุทธาภินิหาริย์ให้อุบัติขึ้นมาเพื่อเป็นที่พึ่งแก่โลก แต่ทางฝ่ายทิเบตเชื่อว่าพระอวโลกิเตศวรอุบัติขึ้นมาพร้อม ๆ กับพระนางตาราด้วยอานุภาพของพระอมิตาภพุทธ จากแสงสว่าง (บางแห่งว่าเป็นน้ำพระเนตรจากความกรุณาสงสารสรรพสัตว์) ที่เปล่งออกมาจากพระเนตรเบื้องขวาของพระอมิตาภะได้บังเกิดเป็นพระอวโลกิเตศวรประทับบนดอกบัวที่ปรากฏขึ้นพร้อม ๆ กับมนตร์ โอม มณี ปัทเม หูม ส่วนแสงจากพระเนตรเบื้องซ้ายก่อให้เกิดพระนางตาราโพธิสัตว์ อย่างไรก็ตาม ในพระสูตรอื่นบางแห่งก็มีกล่าวว่าแท้จริงแล้วพระอวโลกิเตศวรก็คือภาคหนึ่งขององค์พระอมิตาภะนั่นเอง


ลักษณะทางประติมานวิทยา

ภาพเขียนหรือรูปเคารพของพระอวโลกิเตศวรเริ่มแรกนิยมสร้างเป็นรูปบุรุษหนุ่ม ทรงเครื่องอลังการวิภูษิตาภรณ์อย่างเจ้าชายอินเดียโบราณ และมีอยู่หลายปางด้วยกัน แต่สิ่งสำคัญคือศิราภรณ์บนพระเศียรพระอวโลกิเตศวรจะต้องมีรูปของพระอมิตาภะในปางสมาธิ หากเป็นปางที่มีหลายเศียร เศียรบนสุดจะเป็นเศียรพระอมิตาภะ นับเป็นข้อสังเกตในด้านปฏิมากรรมของพระโพธิสัตว์พระองค์นี้ ส่วนดอกบัวอันเป็นสัญญลักษณ์ของพระอวโลกิเตศวร คือ บัวสีชมพู ขณะที่สีขาวคือบัวของพระมัญชุศรีโพธิสัตว์เท่านั้น และด้วยดอกบัวสีชมพูในตระกูลปัทมะนี้เอง ทำให้พระองค์ได้รับการขนานพระนามว่าปัทมปาณีโพธิสัตว์


เมื่อพระพุทธศาสนามหายานได้เข้าสู่ประเทศจีนในช่วงแรกคือสมัยก่อนราชวงศ์ถัง ในยุคนั้นรูปเคารพของพระอวโลกิเตศวรยังสร้างเป็นรูปบุรุษตามแบบพุทธศิลป์ของอินเดีย หากในกาลต่อมาช่างชาวจีนได้คิดสร้างเป็นรูปสตรีเพื่อแสดงออกถึงความอ่อนโยน และแสดงถึงความเมตตากรุณาให้เด่นชัดยิ่งขึ้น ดังเช่นความรักของมารดาที่มีต่อบุตร สะท้อนถึงความรู้สึกและความเชื่อของประชาชนพื้นถิ่นที่ห่างไกลแม่แบบซึ่งมาจากอินเดีย จนอาจจะเรียกได้ว่ากวนอิมในรูปลักษณ์ของสตรีเป็นสัญลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในจีน และแพร่หลายมากกว่าปางอื่น ๆ กระทั่งแผ่ขยายเข้าสู่ประเทศต่าง ๆ ในแถบเอเชีย ทั้งนี้เพราะรูปลักษณ์ของฝ่ายหญิงแทนค่าในเรื่องความเมตตากรุณาได้ดี ในขณะที่รูปลักษณ์อย่างบุรุษเพศจะสะท้อนเรื่องคุณธรรมมากกว่าความเมตตา เมื่อพุทธศาสนาเผยแผ่เข้าไปยังเกาหลี ญี่ปุ่นและเวียดนาม พุทธศาสนิกชนในประเทศนั้นก็พลอยสร้างรูปพระอวโลกิเตศวรเป็นสตรีตามแบบอย่างประเทศจีนไปด้วย


เรื่องราวในสทฺธรฺมปุณฺฑรีกสูตร

สัทธรรมปุณฑรีกสูตรเป็นที่นับถือโดยทั่วไปทั้งในทิเบต จีน และญี่ปุ่น โดยเฉพาะนิกายเทียนไท้ทั้งในจีนและญี่ปุ่น รวมถึงนิกายนิชิเรนในญี่ปุ่นอีกด้วย ในญี่ปุ่นเจ้าชายโชโตกุได้ทรงแต่งอรรถกถาอธิบายความพระสูตรนี้ แม้ว่าเนื้อหาหลักของคัมภีร์นี้จะเป็นการอรรถาธิบายถึงหลักการของมหายานคือสัจจะเอกยาน และสอนมีศรัทธาในพระสัทธรรมอันเป็นหนึ่งเดียว แต่ในตอนหนึ่งได้มีการกล่าวสรรเสริญอานุภาพแห่งพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ไว้ในบทหนึ่งชื่อว่า “สมันตมุขปริวรรต” ว่าด้วยการสำแดงร่างเพื่อโปรดสัตว์ของพระอวโลกิเตศวร เนื้อความในบทนี้เริ่มต้นด้วยการสนทนาระหว่างพระอักษยมติกับพระศากยมุนีพุทธเจ้า ว่าด้วยเรื่องราวในอดีตกาลของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร


พระสหัสภุชสหัสเนตรอวโลกิเตศวร

รูปเคารพของพระอวโลกิเตศวรมีอยู่หลายปาง ทั้งภาคบุรุษ ภาคสตรี ไปจนถึงปางอันแสดงลักษณาการที่ดุร้าย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการปราบมารคือสรรพกิเลส แต่ปางที่สำคัญปางหนึ่งคือปางที่ทรงสำแดงพระวรกายเป็นพันหัสถ์พันเนตร ซึ่งมีเรื่องราวปรากฏในพระสูตรสันสกฤตคือ สหัสภุชสหัสเนตรอวโลกิเตศวรโพธิสัตวไวปุลยสัมปุรณอกิญจนมหากรุณาจิตรธารณีสูตรมหากรุณามนตร์ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า มหากรุณาธารณีสูตร (大悲咒) นำเข้าไปแปลในจีนโดยพระภควธรรมชาวอินเดีย ในสมัยราชวงศ์ถัง ได้กล่าวถึงบทสวดธารณีแห่งพระโพธิสัตว์พระองค์นี้ คือ “มหากรุณาหฤทัยธารณี” เนื้อหากล่าวถึงเมื่อครั้งที่พระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ โปตาลกะบรรพต ในกาลนั้นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ได้ขอพุทธานุญาตแสดงธารณีมนตร์อันศักดิ์สิทธิ์ไว้เพื่อเป็นที่พึ่งแก่สรรพสัตว์ ซึ่งธารณีนี้ย้อนไปในครั้งกาลสมัยของพระพุทธเจ้านามว่าพระสหัสประภาศานติสถิตยตถาคต พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นได้ตรัสธารณีนี้แก่พระอวโลกิเตศวร และตรัสว่า “สาธุ บุรุษ เมื่อเธอได้หฤทัยธารณีนี้ จงสร้างประโยชน์สุขสำราญแก่สัตว์ทั้งหลายในกษายกัลป์แห่งอนาคตกาลโดยทั่วถึง”


ตามเนื้อความของพระสูตรได้กล่าวว่า ในขณะนั้น เมื่อพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ได้สดับมนตร์นี้แล้ว ก็ได้บรรลุถึงภูมิที่ ๘ แห่งพระโพธิสัตว์เจ้า จึงได้ตั้งปณิธานว่า “ในอนาคตกาล หากข้าพเจ้าสามารถยังประโยชน์สุขแก่สรรพสัตว์ได้ ขอให้ข้าพเจ้ามีพันเนตรพันหัตถ์ในบัดดล” เมื่อท่านตั้งปณิธานดังนี้แล้ว พลันก็บังเกิดมีพันหัสถ์พันเนตรขึ้นทันที และเพลานั้นพื้นมหาพสุธาดลทั่วทศทิศก็ไหวสะเทือนเลื่อนลั่น พระพุทธเจ้าทั้งปวงในทศทิศก็เปล่งแสงโอภาสเรืองรองมาต้องวรกายแห่งพระโพธิสัตว์ และฉายรัศมีไปยังโลกธาตุต่าง ๆ อย่างปราศจากขอบเขต พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่า เนื่องจากปณิธานอันยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์ หากเหล่ามนุษย์และทวยเทพ ตั้งจิตสวดมหากรุณาธารณี มนตร์นี้คืนละ ๗ จบ ก็จะดับมหันตโทษจำนวนร้อยพันหมื่นล้านกัลป์ได้ หากเหล่ามนุษย์ทวยเทพสวดคาถามหากรุณาธารณีนี้ เมื่อใกล้ชีวิตดับ พระพุทธเจ้าทั้ง ๑๐ ทิศจะยื่นพระกรมารับให้ไปอุบัติในพุทธเกษตรทุกแห่ง


จากเรื่องราวในพระสูตรนี้ทำให้เกิดการสร้างรูปพระโพธิสัตว์พันหัสถ์พันเนตร อันแสดงถึงการทอดทัศนาเล็งเห็นทั่วโลกธาตุและพันหัสต์แสดงถึงอำนาจในการช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ บทสวดในพระสูตรนี้เป็นภาษาสันสกฤตผสมภาษาท้องถิ่นโบราณในอินเดีย ที่หลงเหลือมาในปัจจุบันมีหลายฉบับที่ไม่ตรงกัน ทั้งในฉบับทิเบต ฉบับจีนซึ่งมีทั้งของพระภควธรรม พระอโมฆวัชระ ฯลฯ ต่อมาได้มีการค้นคว้าและปรับปรุงให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์โดย Dr.Lokesh Chandra และตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อ ค.ศ. 1988 เป็นบทสวดสำคัญประจำองค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ที่พุทธศาสนิกชนมหายานสวดกันอยู่โดยทั่วไป


อ้างอิง

  • คณาณัติจีนพรต (เย็นบุญ), หลวงจีน และ เลียง เสถียรสุต, มหากรุณาธารณี, กรุงเทพ ฯ : ไทยวรศิลป์การพิมพ์, ๒๕๔๗.

  • วิศวภัทร (เสี่ยเกี๊ยก), หลวงจีน, "พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ฝ่ายมหายาน",กรุงเทพฯ : หมื่นคุณธรรมสถาน,๒๕๕๐.

  • ชะเอม แก้วคล้าย, สัทธรรมปุณฑรีกสูตร, กรุงเทพ ฯ : คณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย, ๒๕๔๗.

  • Chandra,Lokesh, The thousand arms Avalokiteśvara, Delhi:Abhinav,1988.

  • Dayal, Har,The Bodhisattva Doctrine in Buddhist Sanskrit Literature,Delhi: Motilal Banarsidass, 1975.

  • McGovern,An Introduction to Mahayana Buddhism,Vanarasi : Sahityaratan Malakarijalaya,1967.

  • Nariman, G.K.,Literary History of Sanskrit Buddhism, Delhi : Motilal Banarsidass,1992.